วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ

  1. หลักการลดความอ้วนหลักการสำคัญ ในการลดความอ้วน หรือไขมันส่วนเกิน คือการลดพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป และ เร่งการใช้พลังงานหรือเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้เพิ่มขึ้น หรือควบได้ด้วยกันทั้งสองอย่างเพื่อ ประสิทธิภาพสูงสุด
  2. A.เพิ่มการใช้พลังงาน
    ทำได้โดยการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้ มีการใช้พลังงาน(แคลลอรี่)เพิ่มขึ้น และหมดไป ทำให้ เนื้อเยื่อไขมันที่สะสมอยู่ตามที่ต่างๆถูกดึงออกมาใช้ และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมาแทน ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้มวลของกล้ามเนื้อ เพิ่มขึ้นมาแทน แต่กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน ดังนั้น แม้น้ำหนักตัวจะลดไปไม่มากนัก แต่รูปร่างจะกระชับดีขึ้นหลักการ การออกกำลังกาย ที่ให้ผลดี ควรจะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค(ออกกำลังกายโดยกล้ามเนื้อเผลาผลาญแคลลอรี่โดยใช้อ๊อกซิเจน) ที่ง่ายและได้ผลดี คือการวิ่ง หรือเดินเร็ว โดย คนที่สุขภาพปกติ ให้ออกกำลังกายต่อเนื่องประมาณ 20-30 นาที ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยระหว่างออกกำลังกาย ควรรักษาระดับชีพจรให้อยู่ ในระดับเป้าหมาย คือ 70-80% ของชีพจรสูงสุดโดยอัตราชีพจรสูงสุด คิดได้ จาก 220 - อายุเป็นปีสำหรับผู้เริ่มออกกำลังกาย ใหม่อาจจะใช้อัตราที่ต่ำกว่า คือให้หัวใจเต้นระหว่าง 50-60% ของชีพจรสูงสุดก่อนก็ได้ ก่อนที่จะค่อยๆเพิ่มจนถึง ชีพจรเป้าหมายการวัดชีพจรแบบง่ายๆ ทำได้โดยการใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง แตะเบาๆ บริเวณข้อมือ ของมืออีกข้าง ทางด้านข้างของข้อมือในแนว ที่ตรงกับร่องระหว่างนิ้วชี้ และนิ้วกลางของมือข้างนั้น แล้วรับรู้จังหวะการเต้นของเส้นเลือด(ชีพจร) ที่ข้อมือนั้น โดยนับจำนวนครั้ง ใน 15 นาที แล้ว คูณด้วย 4 จะได้ เป็นอัตราการเต้นของหัวใจต่อ นาทีวิธี การออกกำลังกาย จะเลือกวิธีไหน ก็ได้ ตามความเหมาะสม และความชอบ ของแต่ละคน ตั้งแต่การเดินเร็ว, จ๊อกกิ้ง ,โดดเชือก ,วิ่งบนลู่วิ่ง ,เต้นแอโรบิค ที่สำคัญคือ ควรทำแบบต่อเนื่อง และไม่หักโหม
  3. B การลดพลังงานที่กินเข้าไปหรือการควบคุมอาหาร เป็นการลดที่ได้ผลดี ควรลดลงช้าๆ โดยน้ำหนักที่ลดในระยะเริ่มต้นหกเดือนแรก ไม่ควรเกิน 5-10% ของน้ำหนักตัว แล้วรักษาน้ำหนักให้คงที่ระยะหนึ่ง ค่อยลดเพิ่มต่อไปการที่จะลดน้ำหนัก ตัวลง 1-2 กก.ในหนึ่งเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานประมาณ 7000-14000 Kcal หรือต้องคุมอาหารที่กินให้น้อยลง ประมาณ 250-500Kcal ต่อวัน
        

Read More

    

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

น้ำลูกยอผสมกระชายดำ น้ำผึ้ง อย่างคุ้มค่า ราคาประหยัดเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุด สำหรับคนที่คุณรัก สนับสนุนสินค้าคุณภาพสูง ภูมิปัญญาท้องถิ่นดูรายละเอียด ราคาขายส่ง ด้านล่างนะครับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภูมิปัญญาไทยรสชาติดี รับประทานง่ายผ่านขั้นตอนการหมักอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติที่เฉพาะเจาะจงให้ทุกๆ ท่านได้ลิ้มลองแค่ขวดเดียวก็เห็นผล_________________________
สรรพคุณ แก้โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเก๊าประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ โรคเบื่ออาหารเด็ก กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ช่วยเจริิญอาหาร ส่วนประกอบทีสำคัญคัดสรรเฉพาะลูกยอริมฝั่งโขงที่ให้ปริมาณน้ำลูกยอคุณภาพสูงและกระชายดำภูเขาจาก จ.เลย ที่มีความสมบูรณ์ของผลผลิตมากที่สุด เราได้สะสมน้ำผึ้งเดือน 5 ในฤดูที่น้ำผึ้งมีความหอมมากที่สุดมาเป็นส่วนผสมจึงได้น้ำลูกยอผสมกระชายดำ น้ำผึงที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
        

Read More

    

10วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพ

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!
        

Read More

    

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แอโรบิกด๊านซ์

        

Read More

    

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แอโรบิกด๊านซ์

หลักการฝึกแอโรบิกด๊านซ์
1. เลือกท่าฝึกให้เหมาะกับสภาพของเพศและวัย กล่าวคือ ควรเป็นท่าที่สามารถทำได้ง่าย และไม่ขัดต่อสภาพร่างกายและความรู้สึก
2. ฝึกจากท่าง่ายไปหาท่ายาก จากเบาไปหาหนัก
3. ควรฝึกในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
4. เน้นบริหารร่างกายส่วนไหน ก็ให้เลือกท่าที่ต้องใช้กล้ามเนื้อนั้นมาก ๆ เช่นต้องการลดไขมันที่หน้าท้อง ก็เลือกฝึกท่าที่ใช้กล้ามเนื้อท้องมาก ๆ
5. เวลา สถานที่ฝึก ไม่จำกัด ว่างเมื่อใด สถานที่ไหนก็ได้
6. เลือกท่าบริหารกายและฝึกให้ครบทุก ๆ ส่วนของร่างกาย
7.ชุดฝึกควรเป็นผ้ายืดและผ้าที่ใส่สบายไม่คับเกินไปหรือหลวมเกินไปสามารถระบายความร้อนได้ดี
        

Read More