วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

สูตรอาหารลดความอ้วน


เห็นเค้าบอกว่าเป็นสูตรพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพฯ สูตรน่าสนใจมากค่ะ และยังบอกอีกว่าสามารถลดน้ำหนักได้ อาทิตย์ละ 9 กก. ค่ะ เห็นสูตรครั้งแรกดิฉันจดอย่างเร็วเลย ถ้าลดได้ขนาดนี้ละล่ะก็ ต่อให้ทานผิดพลาดยังไง อย่างต่ำคงลดได้ 3 กก. แหละค่ะ อาหารก็หาง่ายๆ เหมือนเราทานทุกวันนี่ล่ะค่ะ
ส่วนที่จะให้แสดง วันที่ 1
เช้า...น้ำผลไม้คั้นหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน... ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น... สลัดผัก

วันที่ 2
เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน...ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วันที่ 3
เช้า... กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ,หมู)
เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่ 4
เช้า...น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน... สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วันที่ 5
เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน... ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น... สลัดผัก

วันที่ 6
เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน... ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด
เย็น... นมสด 1 แก้ว(พร่องมันเนย)

วันที่ 7
เช้า... ข้าว 1 ทัพพีและเนื้อ 1 ชิ้นหรือไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม(เนื้อ,หมู)
เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น

ที่มา : http://www.healthcorners.com
ส่วนที่เหลือ
        

Read More

    

ออกกำลังกายอย่างไร? ให้หัวใจแข็งแรง


การออกกำลังกายโดยทั่วไปล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับร่างกายอยู่แล้ว แต่มีหลายคนสงสัยว่าจะออกกำลังกายอย่างไร ที่จะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจสูงสุด คำตอบของคำถามนี้ก็คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise) ซึ่งหลายคนก็คงจะเข้าใจว่าคือการเต้นแอโรบิก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
ส่วนที่จะให้แสดง การออกกำลังกายแบบแอโรบิก คือการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ ในร่างกายหลายๆมัดอย่างต่อเนื่องกัน เป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้ร่างกายใช้ออกซิเจนไปเผาผลาญอาหาร ในร่างกาย และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และปอดดีขึ้น โดยมีหลักการง่ายๆดังนี้ 1.เป็นการออกกำลังของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆทั่วร่างกาย เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือเต้น แอโรบิก 2.ระยะเวลาในการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่ควรน้อยกว่า 20-30 นาที 3.ควรทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง 4.ที่สำคัญที่สุดคือระหว่างการออกกำลังกายต้องให้หัวใจหรือชีพจร เต้นอยู่ในช่วงชีพจรเป้าหมาย(Target heart rate) ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตร ชีพจรสูงสุด(Maximum heart rate) = 220- อายุ(เป็นปี) ชีพจรเป้าหมาย(Target heart rate)= 60%-70% ของชีพจรสูงสุด

การจับชีพจรก็สามารถทำได้ง่ายๆคือ การจับบริเวณข้อมือประมาณ 15วินาทีแล้วคูณด้วย 4 โดยทำเป็นระยะระหว่างการออกกำลังกาย หรือถ้าจะให้ดีที่สุดคือควรมีอุปกรณ์การจับชีพจร ซึ่งมีหลายรูปแบบ ในท้องตลาดก็มีแบบที่เป็นนาฬิกาข้อมือ การออกกำลังกายอย่าหักโหมจนชีพจรเต้นเร็วเกินชีพจรสูงสุดเพราะจะเป็นอันตรายกับหัวใจ

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบแอโรบิก

1. ทำให้สมรรถภาพการทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้น

2. ช่วยลดไขมันในร่างกาย สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายแบบนี้สามารถทำให้น้ำหนักลดได้ แต่ต้องทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร

3. ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน คลอเรสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์สูง การออกกำลังกายแบบนี้สามารถทำให้ระดับน้ำตาล และไขมัน ในเลือดลดลงได้ด้วย

4. ทำให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน

ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย

1. ค่อยๆออกกำลังกาย จากเบาๆและเพิ่มความหนักขึ้น และเริ่มจากระยะเวลาสั้นๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มระยะเวลา ในการออกกำลังกายให้ถึง20-30 นาที

2. ต้องมีการอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลัง เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมก่อน รวมทั้งเมื่อจะเลิกออกกำลังกาย ต้องค่อยๆผ่อนให้เบา และช้าลงไม่หยุดทันทีทันใด

3. ไม่ควรออกกำลังกายหลังจากรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ควรออกกำลังกายหลังจากรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

4. ควรออกกำลังกายในสภาพอากาศที่เหมาะสมไม่เย็นหรือร้อนเกินไป และควรเป็นที่ๆมีอากาศถ่ายเทดี

5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน ถ้าคุณสามารถปฏิบัติเช่นที่กล่าวมาได้อย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าหัวใจของคุณจะแข็งแรง เป็นหนุ่มเป็นสาวเสมอ รู้อย่างนี้แล้วอย่ารอช้า เรามาออกกำลังกายกันเถอะ

http://www.geocities.com/health_services/article4.htm

ส่วนที่เหลือ
        

Read More