tag:blogger.com,1999:blog-42748324679678967682024-03-19T05:32:07.361-07:00สุขภาพดีสุขภาพดีไม่มีขายอยากได้ต้องทำเองสุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-10395202629512957682009-09-23T08:32:00.000-07:002009-09-23T08:37:47.179-07:00สูตรอาหารลดความอ้วน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPptQqfYIOo_h98eW2hIK6trMeRglL08QpBWPbcNZAW0gQ9tfzGqlDaJyjreaCs3WXfxsmhMjyjddPVsJRFXIb7xAkJGGoodZIF_geLVWEfpXbllg43uIOTqoxYFOb5163J6VeuME3A6NK/s1600-h/large_1194480991.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 262px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPptQqfYIOo_h98eW2hIK6trMeRglL08QpBWPbcNZAW0gQ9tfzGqlDaJyjreaCs3WXfxsmhMjyjddPVsJRFXIb7xAkJGGoodZIF_geLVWEfpXbllg43uIOTqoxYFOb5163J6VeuME3A6NK/s320/large_1194480991.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5384687505445481682" /></a><br />เห็นเค้าบอกว่าเป็นสูตรพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพฯ สูตรน่าสนใจมากค่ะ และยังบอกอีกว่าสามารถลดน้ำหนักได้ อาทิตย์ละ 9 กก. ค่ะ เห็นสูตรครั้งแรกดิฉันจดอย่างเร็วเลย ถ้าลดได้ขนาดนี้ละล่ะก็ ต่อให้ทานผิดพลาดยังไง อย่างต่ำคงลดได้ 3 กก. แหละค่ะ อาหารก็หาง่ายๆ เหมือนเราทานทุกวันนี่ล่ะค่ะ <br />ส่วนที่จะให้แสดง <span id="fullpost"> วันที่ 1 <br />เช้า...น้ำผลไม้คั้นหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย <br />กลางวัน... ไข่ต้ม 2 ฟอง <br />เย็น... สลัดผัก <br /><br />วันที่ 2 <br />เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย <br />กลางวัน...ไข่ต้ม 2 ฟอง <br />เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย <br /><br />วันที่ 3 <br />เช้า... กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย <br />กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ,หมู) <br />เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น <br /><br />วันที่ 4 <br />เช้า...น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น <br />กลางวัน... สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น <br />เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย <br /><br />วันที่ 5 <br />เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย <br />กลางวัน... ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น <br />เย็น... สลัดผัก <br /><br />วันที่ 6 <br />เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย <br />กลางวัน... ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด <br />เย็น... นมสด 1 แก้ว(พร่องมันเนย) <br /><br />วันที่ 7 <br />เช้า... ข้าว 1 ทัพพีและเนื้อ 1 ชิ้นหรือไข่ต้ม 1 ฟอง <br />กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม(เนื้อ,หมู) <br />เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น <br /><br />ที่มา : http://www.healthcorners.com<br />ส่วนที่เหลือ </span>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-32360603490271605882009-09-23T08:11:00.000-07:002009-09-23T08:40:22.105-07:00ออกกำลังกายอย่างไร? ให้หัวใจแข็งแรง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjdLFlAZ7xPeoAGKx76gKb_iGnsHbU0_kQTUEi03NMTE0PKxkqA5g4xioeEtKEV8tKHM8GVnADVCEhopWYWqEpspCqRxmEOZzp5VZqdcPgfjEZzZJ2u1oQABLwIYAc9y5IC75wcptVfSp0/s1600-h/%E0%B9%85%E0%B9%85%E0%B9%85%E0%B9%85.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 130px; height: 98px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjdLFlAZ7xPeoAGKx76gKb_iGnsHbU0_kQTUEi03NMTE0PKxkqA5g4xioeEtKEV8tKHM8GVnADVCEhopWYWqEpspCqRxmEOZzp5VZqdcPgfjEZzZJ2u1oQABLwIYAc9y5IC75wcptVfSp0/s320/%E0%B9%85%E0%B9%85%E0%B9%85%E0%B9%85.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5384687860810347890" /></a><br />การออกกำลังกายโดยทั่วไปล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับร่างกายอยู่แล้ว แต่มีหลายคนสงสัยว่าจะออกกำลังกายอย่างไร ที่จะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจสูงสุด คำตอบของคำถามนี้ก็คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise) ซึ่งหลายคนก็คงจะเข้าใจว่าคือการเต้นแอโรบิก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ <br />ส่วนที่จะให้แสดง <span id="fullpost">การออกกำลังกายแบบแอโรบิก คือการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ ในร่างกายหลายๆมัดอย่างต่อเนื่องกัน เป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้ร่างกายใช้ออกซิเจนไปเผาผลาญอาหาร ในร่างกาย และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และปอดดีขึ้น โดยมีหลักการง่ายๆดังนี้ 1.เป็นการออกกำลังของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆทั่วร่างกาย เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือเต้น แอโรบิก 2.ระยะเวลาในการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่ควรน้อยกว่า 20-30 นาที 3.ควรทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง 4.ที่สำคัญที่สุดคือระหว่างการออกกำลังกายต้องให้หัวใจหรือชีพจร เต้นอยู่ในช่วงชีพจรเป้าหมาย(Target heart rate) ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตร ชีพจรสูงสุด(Maximum heart rate) = 220- อายุ(เป็นปี) ชีพจรเป้าหมาย(Target heart rate)= 60%-70% ของชีพจรสูงสุด <br /><br />การจับชีพจรก็สามารถทำได้ง่ายๆคือ การจับบริเวณข้อมือประมาณ 15วินาทีแล้วคูณด้วย 4 โดยทำเป็นระยะระหว่างการออกกำลังกาย หรือถ้าจะให้ดีที่สุดคือควรมีอุปกรณ์การจับชีพจร ซึ่งมีหลายรูปแบบ ในท้องตลาดก็มีแบบที่เป็นนาฬิกาข้อมือ การออกกำลังกายอย่าหักโหมจนชีพจรเต้นเร็วเกินชีพจรสูงสุดเพราะจะเป็นอันตรายกับหัวใจ <br /><br />ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบแอโรบิก <br /><br />1. ทำให้สมรรถภาพการทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้น <br /><br />2. ช่วยลดไขมันในร่างกาย สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายแบบนี้สามารถทำให้น้ำหนักลดได้ แต่ต้องทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร <br /><br />3. ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน คลอเรสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์สูง การออกกำลังกายแบบนี้สามารถทำให้ระดับน้ำตาล และไขมัน ในเลือดลดลงได้ด้วย <br /><br />4. ทำให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน <br /><br />ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย <br /><br />1. ค่อยๆออกกำลังกาย จากเบาๆและเพิ่มความหนักขึ้น และเริ่มจากระยะเวลาสั้นๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มระยะเวลา ในการออกกำลังกายให้ถึง20-30 นาที <br /><br />2. ต้องมีการอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลัง เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมก่อน รวมทั้งเมื่อจะเลิกออกกำลังกาย ต้องค่อยๆผ่อนให้เบา และช้าลงไม่หยุดทันทีทันใด <br /><br />3. ไม่ควรออกกำลังกายหลังจากรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ควรออกกำลังกายหลังจากรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง <br /><br />4. ควรออกกำลังกายในสภาพอากาศที่เหมาะสมไม่เย็นหรือร้อนเกินไป และควรเป็นที่ๆมีอากาศถ่ายเทดี <br /><br />5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน ถ้าคุณสามารถปฏิบัติเช่นที่กล่าวมาได้อย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าหัวใจของคุณจะแข็งแรง เป็นหนุ่มเป็นสาวเสมอ รู้อย่างนี้แล้วอย่ารอช้า เรามาออกกำลังกายกันเถอะ <br /><br />http://www.geocities.com/health_services/article4.htm<br /><br />ส่วนที่เหลือ </span>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-40147470047567084072009-08-28T19:50:00.000-07:002009-09-04T20:04:14.653-07:00การลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ<ol><li><div align="left"><span style="font-family:georgia;"><span style="font-size:180%;"><em><span style="color:#990000;">หลักการลดความอ้วนหลักการสำคัญ</span> <span style="color:#cc66cc;">ในการลดความอ้วน หรือไขมันส่วนเกิน คือการลดพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป และ เร่งการใช้พลังงานหรือเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้เพิ่มขึ้น หรือควบได้ด้วยกันทั้งสองอย่างเพื่อ ประสิทธิภาพสูงสุด</span></em></span></span></div></li><li><div align="left"><span style="font-family:georgia;"><span style="font-size:180%;"><em><span style="color:#33ff33;">A.เพิ่มการใช้พลังงาน<br /></span><span style="color:#cc66cc;">ทำได้โดยการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้ มีการใช้พลังงาน(แคลลอรี่)เพิ่มขึ้น และหมดไป ทำให้ เนื้อเยื่อไขมันที่สะสมอยู่ตามที่ต่างๆถูกดึงออกมาใช้ และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมาแทน ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้มวลของกล้ามเนื้อ เพิ่มขึ้นมาแทน แต่กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน ดังนั้น แม้น้ำหนักตัวจะลดไปไม่มากนัก แต่รูปร่างจะกระชับดีขึ้นหลักการ การออกกำลังกาย ที่ให้ผลดี ควรจะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค(ออกกำลังกายโดยกล้ามเนื้อเผลาผลาญแคลลอรี่โดยใช้อ๊อกซิเจน) ที่ง่ายและได้ผลดี คือการวิ่ง หรือเดินเร็ว โดย คนที่สุขภาพปกติ ให้ออกกำลังกายต่อเนื่องประมาณ 20-30 นาที ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยระหว่างออกกำลังกาย ควรรักษาระดับชีพจรให้อยู่ ในระดับเป้าหมาย คือ 70-80% ของชีพจรสูงสุดโดยอัตราชีพจรสูงสุด คิดได้ จาก 220 - อายุเป็นปีสำหรับผู้เริ่มออกกำลังกาย ใหม่อาจจะใช้อัตราที่ต่ำกว่า คือให้หัวใจเต้นระหว่าง 50-60% ของชีพจรสูงสุดก่อนก็ได้ ก่อนที่จะค่อยๆเพิ่มจนถึง ชีพจรเป้าหมายการวัดชีพจรแบบง่ายๆ ทำได้โดยการใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง แตะเบาๆ บริเวณข้อมือ ของมืออีกข้าง ทางด้านข้างของข้อมือในแนว ที่ตรงกับร่องระหว่างนิ้วชี้ และนิ้วกลางของมือข้างนั้น แล้วรับรู้จังหวะการเต้นของเส้นเลือด(ชีพจร) ที่ข้อมือนั้น โดยนับจำนวนครั้ง ใน 15 นาที แล้ว คูณด้วย 4 จะได้ เป็นอัตราการเต้นของหัวใจต่อ นาทีวิธี การออกกำลังกาย จะเลือกวิธีไหน ก็ได้ ตามความเหมาะสม และความชอบ ของแต่ละคน ตั้งแต่การเดินเร็ว, จ๊อกกิ้ง ,โดดเชือก ,วิ่งบนลู่วิ่ง ,เต้นแอโรบิค ที่สำคัญคือ ควรทำแบบต่อเนื่อง และไม่หักโหม</span></em></span></span></div></li><li><div align="left"><span style="font-family:georgia;"><span style="font-size:180%;"><em><span style="color:#33cc00;">B การลดพลังงานที่กินเข้าไปหรือการควบคุมอาหาร</span> <span style="color:#cc66cc;">เป็นการลดที่ได้ผลดี ควรลดลงช้าๆ โดยน้ำหนักที่ลดในระยะเริ่มต้นหกเดือนแรก ไม่ควรเกิน 5-10% ของน้ำหนักตัว แล้วรักษาน้ำหนักให้คงที่ระยะหนึ่ง ค่อยลดเพิ่มต่อไปการที่จะลดน้ำหนัก ตัวลง 1-2 กก.ในหนึ่งเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานประมาณ 7000-14000 Kcal หรือต้องคุมอาหารที่กินให้น้อยลง ประมาณ 250-500Kcal ต่อวัน<br /></span></em></span></div></li></ol></span>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-52691471890462441662009-08-28T19:37:00.000-07:002009-09-04T20:19:19.374-07:00สมุนไพรเพื่อสุขภาพ<span style="color:#33cc00;"><span style="font-size:180%;color:#cc0000;">น้ำลูกยอผสมกระชายดำ น้ำผึ้ง</span> <span style="font-size:130%;">อย่างคุ้มค่า ราคาประหยัดเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุด สำหรับคนที่คุณรัก สนับสนุนสินค้าคุณภาพสูง ภูมิปัญญาท้องถิ่นดูรายละเอียด ราคาขายส่ง ด้านล่างนะครับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภูมิปัญญาไทยรสชาติดี รับประทานง่ายผ่านขั้นตอนการหมักอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติที่เฉพาะเจาะจงให้ทุกๆ ท่านได้ลิ้มลองแค่ขวดเดียวก็เห็นผล_________________________<br />สรรพคุณ แก้โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเก๊าประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ โรคเบื่ออาหารเด็ก กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ช่วยเจริิญอาหาร ส่วนประกอบทีสำคัญคัดสรรเฉพาะลูกยอริมฝั่งโขงที่ให้ปริมาณน้ำลูกยอคุณภาพสูงและกระชายดำภูเขาจาก จ.เลย ที่มีความสมบูรณ์ของผลผลิตมากที่สุด เราได้สะสมน้ำผึ้งเดือน 5 ในฤดูที่น้ำผึ้งมีความหอมมากที่สุดมาเป็นส่วนผสมจึงได้น้ำลูกยอผสมกระชายดำ น้ำผึงที่ดีที่สุดสำหรับคุณ</span></span>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-10712797194427592642009-08-28T19:31:00.000-07:002009-09-04T20:12:50.805-07:0010วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพ<span style="font-size:180%;color:#009900;"><strong>10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี<br /></strong></span><span style="color:#ff0000;">ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก<br /><strong><span style="font-size:180%;">1. กินอาหารเช้า</span></strong> เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง<br /><span style="font-size:180%;"><strong>2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร</strong></span> ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี<br /><span style="font-size:180%;"><strong>3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น</strong></span> คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว<br /><span style="font-size:180%;">4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก</span> ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ<br /><span style="font-size:180%;"><strong>5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ</strong></span> ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ<br /><span style="font-size:180%;"><strong>6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง</strong></span> เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล<br /><span style="font-size:180%;"><strong>7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง</strong></span> ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%<br /><span style="font-size:180%;"><strong>8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี</strong></span> คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย<br /><span style="font-size:180%;"><strong>9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา</strong></span> การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด<br /><span style="font-size:180%;"><strong>10. กินถั่วให้เป็นนิสัย</strong></span> ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้<br />ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!</span>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-17122828777863522132009-08-22T05:20:00.000-07:002009-08-22T05:51:04.309-07:00แอโรบิกด๊านซ์<p align="center"><iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.blogger.com/video.g?token=AD6v5dzM2j1yjdoKmlE26NgouIeXk8j8b7srQlh7OlmRSiqhubU25j7Snvr6jAZIc3IUXqMggT9snJ4tnl51iOPimA' class='b-hbp-video b-uploaded' frameborder='0'></iframe></p>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4274832467967896768.post-35233149248178956982009-08-21T19:08:00.000-07:002009-09-04T20:21:43.317-07:00แอโรบิกด๊านซ์<div align="justify"><strong><span style="font-size:180%;color:#330099;">หลักการฝึกแอโรบิกด๊านซ์</span></strong><br /><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">1. เลือกท่าฝึกให้เหมาะกับสภาพของเพศและวัย กล่าวคือ ควรเป็นท่าที่สามารถทำได้ง่าย และไม่ขัดต่อสภาพร่างกายและความรู้สึก </span></div><div align="justify"><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">2. ฝึกจากท่าง่ายไปหาท่ายาก จากเบาไปหาหนัก </span></div><div align="justify"><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">3. ควรฝึกในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก </span></div><div align="justify"><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">4. เน้นบริหารร่างกายส่วนไหน ก็ให้เลือกท่าที่ต้องใช้กล้ามเนื้อนั้นมาก ๆ เช่นต้องการลดไขมันที่หน้าท้อง ก็เลือกฝึกท่าที่ใช้กล้ามเนื้อท้องมาก ๆ </span></div><div align="justify"><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">5. เวลา สถานที่ฝึก ไม่จำกัด ว่างเมื่อใด สถานที่ไหนก็ได้ </span></div><div align="justify"><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">6. เลือกท่าบริหารกายและฝึกให้ครบทุก ๆ ส่วนของร่างกาย </span></div><div align="justify"><span style="font-size:130%;color:#33cc00;">7.ชุดฝึกควรเป็นผ้ายืดและผ้าที่ใส่สบายไม่คับเกินไปหรือหลวมเกินไปสามารถระบายความร้อนได้ดี</span></div>สุขภาพดีไม่มีขายhttp://www.blogger.com/profile/03409368050109822532noreply@blogger.com0